ลองนึกภาพตามกันดูนะคะ ในบรรยากาศอันเงียบสงบของคอฟฟี่ช็อป เมล็ดกาแฟคั่วส่งกลิ่นหอมกรุ่น คละเคล้าไปกับจังหวะอันนุ่มนวลของเพลงแจ๊สเพราะ ๆ มีแล็ปท็อปหนึ่งเครื่องตั้งอยู่ตรงหน้า แล้วสรรพเสียงที่รายล้อมก็พร่าเลือนลงขณะที่ปลายนิ้วของคุณกดลงไปบนตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ตัวแล้วตัวเล่า จิตใจของคุณจดจ่ออยู่กับงานจนทุกอย่างรอบตัวค่อย ๆ เลือนหายไป คุณได้ทำงานด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข และมีสมาธิ ชีวิตการทำงานในฝันเลยใช่มั้ยล่ะ? เป็นไปได้มั้ยที่เราจะเลิกทำงานประจำ มีรายได้ดี และมีความสุข? เป็นไปได้ค่ะ สิ่งนี้เรียกว่า Digital Nomadism และนางพร้อมจะมาเปลี่ยนโลกของคุณแล้ว
Enablerspace คือทีมมนุษย์ Digital Nomad เราที่ทำงานจากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน, คอฟฟี่ ช็อป, คาเฟ่แมว, Co-working Space หรือศูนย์อาหารก็ได้ ถ้ามี WiFi ซะอย่าง งานเดินแน่นอน สิ่งนี้เวิร์คกับเรา แต่มันจะเวิร์คกับคุณหรือไม่? การผันตัวมาเป็น Digital Nomad ก็ไม่ได้แย่ แต่การทำตัวให้ชินกับวิถีชีวิตแบบนี้ก็ถือเป็นความท้าทายเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเมื่อคุณเคยชินกับการเข้างาน 9 โมงเช้า ออก 5 โมงเย็นมาหลายปี
การเป็น Digital Nomad ดียังไงบ้าง?
จัดตารางงานเองได้
ไม่ต้องทำตามตารางที่คนอื่นกำหนดอีกต่อไป เพราะคุณสามารถจัดตารางเองได้ตามความสะดวก ไม่ชอบทำงานตอนเช้าใช่มั้ย? ก็มาปั่นกันตอนบ่ายแทน หรือช่วงดึก ๆ ที่ไม่ต้องมีใครมากวนคุณก็ยังได้ ถ้าเป็นสายเช้าตรู่ ก็เอาเลยค่ะ จัดได้ไม่มีใครห้าม ตราบใดที่งานเสร็จ โอเคหมด!
แต่ชีวิตแบบนี้มันก็จะมีความท้าทายอยู่นิดหน่อย สิ่งนั้นก็คือความขี้เกียจยังไงล่ะ ฉะนั้นก่อนอื่นคุณต้องรู้จักวิธีการทำงานของตัวเอง แล้วจึงปรับ Workflow ให้เข้ากับสไตล์คุณ ไม่ต้องบังคับให้ตัวเองทำสิ่งที่จะต้องมานั่งลำไยมันทีหลัง แต่ก็อย่าบ้าพลัง รับมันหมดทุกงานล่ะ ควรรู้ขีดจำกัดของตัวเองด้วยยะคะ
พอสบายใจ ไอเดียก็บรรเจิด
เบื่อมั้ยเวลาสร้างสรรค์อะไรไม่ออกเพราะชีวิตติดแหง็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมอันแสนน่าเบื่อ? จากการค้นคว้า และประสบการณ์ตรง การเปลี่ยนบรรยากาศไปทำงานนอกออฟฟิศซะบ้างช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ได้จริง ๆ นะ ความคิดตัน? ก็ออกไปเดินเล่น ไม่ก็เข้าไปหลบความวุ่นวายในห้องน้ำซะหน่อย ส่วนตัวแล้วอย่างที่สองช่วยนี่ช่วยให้ปิ๊งไอเดียได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว แล้วก็เอาหูฟังมาฟังเพลงเพลิน ๆ เพื่อตัดเสียงรบกวนรอบข้างด้วยก็ดีนะคะ
ได้ทำในสิ่งที่รัก
จะนั่งทำงานสบาย ๆ ที่บ้าน หรือคาเฟ่แมวใกล้บ้าน คุณก็ทำสิ่งที่ชอบได้ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียน งานออกแบบ หรือวางแผนดีลส่วนลดครั้งต่อไปสำหรับลูกค้า ก็จัดตามที่ต้องการได้เลย! Digital Nomad หลาย ๆ คนมีรายได้จากการทำบล็อกเล่าเรื่องสิ่งที่ตัวเองชอบเช่น ช็อปปิ้ง ท่องเที่ยว ของกิน ฯลฯ แต่ถ้าเกิดไม่ถนัดทำบล็อกขึ้นมาล่ะ? อย่าไปกลัว มีงานอื่น ๆ อีกมากที่สามารถทำได้ในลักษณะนี้ คุณอาจเขียน eBook แสดงความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลของคุณก็ยังได้ ถ้าไม่ถนัดงานเขียนอีก? ก็ยังมีงานพากย์เสียง, คิดหลักสูตรคลาสเรียนออนไลน์, ติวเตอร์, งานโซเชียล มีเดีย, งานวิดีโอ และอื่น ๆ อีกมากมายก่ายกอง
นอกจากนี้ ถ้าคุณเกิดสับสน หรือมีคำถามอะไรขึ้นมา ก็ยังเข้ากลุ่ม Digital Nomad เพื่อสร้างความสัมพันธ์ หรือมิตรภาพกับคนที่ทำงานสายเดียวกันได้
น่าสนุกกว่าประชุมทีมในบริษัทเยอะเลยว่ามั้ย?
สร้างความประทับใจให้ลูกค้า
คุณสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าได้ด้วยการไปพบลูกค้าถึงสถานที่ทำงาน หรือพบปะกันแบบชิล ๆ ที่คอฟฟี่ ช็อปก็ได้ และพอได้พบปะกัน ก็จะได้คุยรายละเอียดงานกันโดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง จะได้ไม่มีอะไรตกหล่นให้ปวดหัวกันทีหลัง ยิ่งกว่านั้น ถ้างานออกมาดี ลูกค้าก็จะรักจะหลง แล้วก็จะจำได้ว่า “นั่นไง เจฟฟ์ที่เขียนโค้ดเก่ง ๆ อะ จ้างคนนั้นอีกดีกว่า”
ลูกค้ามักจะมีโอกาสทำงานกับมนุษย์ฟรีแลนซ์หลายเจ้า แต่จะมีอยู่ไม่กี่เจ้าหรอกค่ะที่ทำผลงานโดดเด่นออกมา ฉะนั้นพยามทำงานออกมาให้มีคุณภาพ ให้ดีกว่าที่เค้าขอ ให้มันเหนือความคาดหมายกันไปเลย!
ทั้งนี้ ก็ต้องระลึกไว้ด้วยว่าหากลูกค้าใช้งานเราจนเลยจุดคุ้มราคาโปรเจ็กต์ เราก็ยังคงต้องพยายามทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะอย่างไรเสีย การตัดความสัมพันธ์กับลูกค้าชนิดไม่เหลือเยื่อใยก็ไม่สู้จะคุ้มค่านัก แถมการตัดสินใจนี้อาจจะกลับมาหลอกหลอนเราอีกต่างหาก ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดูระหว่างงานที่ลูกค้าจะเอา กับจำนวนเงินที่เค้าจ่ายให้ แต่ทั้งหมดทั้งมวล คุณมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธงานแบบสุภาพได้ ถึงยังไงก็ยังมีโอกาสการทำงานใหม่ ๆ รอคุณอยู่อีกมาก ถ้าตอนนี้ยังไม่ได้งานที่ชอบที่ถนัด ก็อย่าเพิ่งหมดกำลังไจไปนะคะ
ใช้ชีวิตแฮปปี้กว่าเดิม
คนเราควรทำงานเพื่อใช้ชีวิต ไม่ใช่เลี้ยงชีวิตไว้ทำงาน การเลือกงานให้ดีจะทำให้เวลาที่คุณลงไปกับการสร้างสรรค์กลายเป็นผลงานดี ๆ ที่น่าชื่นใจ ยังมีความเป็นไปได้อีกร้อยแปดที่รอคุณอยู่ ฉะนั้น อย่าให้ตัวเองต้องจมอยู่กับความรู้สึกหงุดหงิดขัดอกขัดใจ ถ้ารู้สึกแบบนี้ขึ้นมาก็ผละออกมาก่อน แล้วค่อยเริ่มใหม่วันพรุ่งนี้ก็ยังได้ คุณอาจจะมีตารางงานที่ต้องตาม แต่ความสุขของคุณก็สำคัญไม่แพ้อะไรนะ
ถ้าดัชนีความสุขของคุณไม่ค่อยจะขึ้นสูงมาแต่ไหนแต่ไร การทำงานสไตล์ Digital Nomad ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งทีเดียว เพาะจะได้ทำสิ่งที่คุณชอบ แทนที่จะนั่งรอแต่คำสั่งจากใคร
ประเภทงานที่มนุษย์ Digital Nomad ทำได้
- งานเขียนฟรีแลนซ์
- กราฟฟิกและดีไซน์
- ทำบล็อก
- งานโฆษณาสินค้า
- การตลาดทางโซเชียลมีเดีย
- ติวหนังสือ
- งานถ่ายภาพ
- E-commerce
- พัฒนาเว็บไซต์
- เป็นที่ปรึกษาด้านเว็บไซต์
- งานแปล
- และอื่น ๆ อีกเป็นกระบุง!
ตัวอย่างที่ว่ามานี่แค่แซมเปิ้ลจิ๊บ ๆ นะคะ หากจะว่ากันในทางเทคนิคแล้ว คุณจะทำงานระยะไกลจากที่ไหนได้ในโลกนี้ ขอแค่มีแล็ปท็อป และต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่รู้แบบนี้แล้วก็อย่าเพิ่งวู่วามลาออกจากงานประจำกันนะคะ! ลอง ๆ ดูก่อน สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานประจำ ก็ลองใช้โอกาสนี้สร้างผลงานดู อย่าเพิ่งหมดกำลังใจถ้าไม่ค่อยมีงานกับลูกค้าเข้ามา พยายามต่อไป หรือเริ่มต้นจากอะไรเล็ก ๆ ไปก่อน งานเล็ก ๆ นี่แหละจะเป็นจุดเริ่มให้คุณค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปเพื่อคว้าโอกาสที่ดียิ่งกว่า