MARTECH – หรือนี่คือตัวเร่งแห่งปรากฏการณ์ Digital Transformation?

MARTECH คืออะไร?

อัปเดตล่าสุด สิงหาคม 2020

คำว่า MarTech จะเป็นแค่คำเก๋ ๆ ที่มาแล้วก็ไปอีกคำหนึ่งรึเปล่า? ไม่น่าใช่แฮะ เพราะทั้งเทรนด์ต่าง ๆ ของแวดวงนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการที่มีคนใช้คำนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ บ่งชี้ว่าสิ่งนี้จะอยู่กับคนดิจิทัลไปอีกยาว ๆ เลย  จำได้มั้ยคะว่า ย้อนกลับไปไม่กี่ปี พวกเราชาวการตลาดดิจิทัลก็ถามคำถามเดียวกันนี้กับคำว่าการตลาดคอนเทนต์ใช่มั้ยล่ะ แล้วสรุปว่าคำนั้นเป็นแค่คำฮิตชั่วคราวรึเปล่า? ทุกวันนี้ การตลาดคอนเทนต์กลายเป็นสิ่งที่เฟื่องฟูสุด ๆ ไปเลย MarTech ก็คงจะเป็นเหมือนกัน และอาจมากกว่าด้วยนะ แล้ว MarTech (Marketing Technology) คืออะไร

แล้ว MarTech (Marketing Technology) ต่างกับ AdTech (Advertising Technology) ยังไง? เรารู้กันอยู่แล้วว่า AdTech เป็นแพลตฟอร์มการโฆษณาเช่น Adwords, Adroll, Tapad รวมถึง DMP (Data Management Platform) และ DSP (Demand Side Platform) ต่าง ๆ ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลส่งโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น  ซึ่งเทคโนโลยีนี้ต้องอาศัยคุกกี้เป็นหลัก และจะเป็นเรื่อง TOFU (Top of the Funnel) ที่มาจาก Digital Sales Conversion Funnel ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ MarTech หมายถึงเทคโนโลยีสำหรับทำการตลาดที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานหลัก ๆ ในการทำการตลาด และจะมีความเกี่ยวข้องไปทั่ว Funnel ทั้งกับ TOFU, MOFU (Middle of the Funnel) และ BOFU (Bottom of the Funnel)

วิดีโอที่อธิบายมาร์เทคให้เข้าใจง่าย

กล่าวคือ AdTech จะช่วยให้ลูกค้าหาคนขายของเจอ และช่วยทำให้คนขายของได้ลูกค้า ในขณะที่ MarTech จะช่วยเรื่องการรักษาลูกค้า และประสบการณ์ในการจับจ่ายหรือรับบริการมากกว่า   หากแผนการตลาดของคุณมีเรื่อง การจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ (CRM: Customer Relationship Management) , การสมัครสมาชิก, และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงทำนาย (Predictive analytics) อยู่ด้วยล่ะก็ ต้องคิดเรื่องใช้ MarTech ด้วยแล้วล่ะค่ะ

เผื่อว่ายังงงๆ ดูคลิปวิดีโอนี้เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่า Martech และ Adtech ต่างกันอย่างไร

ตอนนี้มีผู้ให้บริการ MarTech มากกว่า 3,500 เจ้าทั่วโลก (จากแค่ประมาณ 150 เจ้าในปี 2011) มาดูตัวอย่างกันค่ะ

ตัวอย่างของแพลตฟอร์ม MARTECH

สำหรับทำการตลาดผ่านอีเมล: MailChimp! GetResponse และ Constant Contact

สำหรับดูแลประสบการณ์ของลูกค้า: Salesforce, SugarCRM และ VTiger

สำหรับดูแลประสบการณ์ของลูกค้าจากการใช้เว็บไซต์: WordPress! Joomla และ OpenText

สำหรับทำ Ecommerce: WooCommerce! Presta Shop และ Shopify

สำหรับการบริหารทีมงานแบบ Lean: ScrumDesk, Trello! และ ZenHub

สำหรับรวบรวมและวอเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ: SAP, Oracle และ datalicious

สำหรับแนะนำธุรกิจ: Merkle, Amplifinity และ Buzz Points Merkle, Amplifinity and Buzz Points.

สำหรับทำการตลาดคอนเทนต์: Zemanta! Curata และ Contently

สำหรับ Search Engine Optimization: SEOMoz! Yoast และ SEMRush

ทำไมต้องใช้ MARTECH?

ประโยชน์หลัก ๆ ข้อหนึ่งของการมี MarTech ไว้ในแผนการตลาด และแผนการทำงานของคุณก็คือการที่คุณสามารถเอาข้อมูลการตลาดที่รวบรวมได้มาปรับใช้กับงานที่คุณทำอยู่ทุกวันได้อย่างราบรื่น  ผิดกับในอดีตที่การทำงาน, การรวบรวมข้อมูลการตลาด และการวิเคราะห์ข้อมูลอาจเป็นสามส่วนที่แยกออกจากกัน ซึ่งผลได้ก็คือการที่ทีมงานจะไม่สามารถนำข้อมูลที่ได้จากการทำงานก่อนหน้านี้มาใช้ปรับปรุงการทำงานได้อย่างทันท่วงที  แถมการวางแผนการขายทั้งในเชิงกลยุทธ์ และแบบระยะยาว ตลอดจนการวางแผนการตลาดก็จะเกิดการล่าช้า เพราะไหนจะต้องรวบรวมข้อมูลจากฝ่ายขาย, ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์, ฝ่ายบริหารงาน ฯลฯ ทีละฝ่าย แล้วยังต้องเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์รวมกันอีก งานช้างเลยล่ะค่ะ

แต่การใช้ MarTech จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ทีมในด้านการทำกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ ให้เป็นแบบอัตโนมัติ และอาจเป็นกุญแจดอกหนึ่งที่จะพาเราออกจากกรอบการทำงานการตลาดแบบเก่ามาสู่แบบดิจิทัล และการแปรสภาพทีมงานมาเป็นทีมนักการตลาดดิจิทัลที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัวมากขึ้น

MARTECH STACK ของ Microsoft เป็นตัวอย่างอ้างอิงที่ดีของการนำ Journey ของลูกค้ามาจับคู่กับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกัน และนำทั้งสองอย่างนี้มาบูรณาการเข้าด้วยกัน

ความท้าทายที่มากับ MARTECH!

ถ้า MarTech เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มหาศาลขนาดนี้ แถมเราก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเครื่องมือและบริษัท MarTech ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาอย่างเยอะชนิดทวีคูณ ทำไม CMO หลาย ๆ คนถึงยังกังวลเรื่องการนำเจ้าสิ่งนี้มาใช้กันล่ะ? จริง ๆ แล้ว ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่ตัวเทคโนโลยีหรอกค่ะ แต่อยู่ที่คนนี่แหละ   ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเปราะบางที่การพัฒนาด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ย่อมหมายความว่าบุคคลากรจะต้องมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นด้วย ลำพังการใช้เครื่องมือก็นับว่าเป็นความท้าทายสำหรับทีมงานด้านดิจิทัลแล้ว แต่การทำความเข้าใจพัฒนาการของโลกดิจิทัลอาจท้าทายยิ่งกว่า เพราะเรามักจะไล่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน

เนื่องจาก กฎของ MarTech คือ  องค์กรมักจะเติบโตทีละนิดๆ ด้วยอัตราที่คงที่ ในขณะที่เทคโนโลยีนั้นเติบโตแบบทวีคูณอย่างรวดเร็วมากตามกราฟข้างล่างนี้

ด้วยเหตุนี้ ระยะห่างของการเติบโตของทั้งสองอย่างจึงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดแล้วอาจต้องมีการ “รีเซ็ต” องค์กรกันเลยทีเดียว

ถ้าอย่างนั้น อะไรบ้างล่ะที่จะทำให้เราบูรณาการเทคโนโลยีการตลาดได้เป็นผลสำเร็จ?  ก็ต้องมีเทคโนโลยีอันเหมาะสมพร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการตลาดที่ใช้มันเป็น รวมไปถึงทีมนักการตลาดดิจิทัลซึ่งมีความรู้ด้าน MarTech ที่จะคอยดูแลงานให้คุณอย่างต่อเนื่อง   แต่ถ้าตอนนี้คุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มยังไง และรู้สึกว่าการขาดซัพพอร์ตด้านเทคโนโลยีกำลังเป็นอุปสรรคต่องานการตลาดและการขายของคุณอยู่ล่ะก็ลองมาพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการตลาดดิจิทัล และชาวทีม Enablers ของเราเรื่องการ Audit และการวางแผนงานเบื้องต้นได้เลยนะคะ