กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าประหลาด ในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนการลงทุน (ROI) จากโฆษณาบน Facebook

facebook advertising ROI

ชื่อเรื่องของโพสต์นี้ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว เราเคยได้ยินมามากเกี่ยวกับการทำการตลาดข้ามช่องทาง

(Cross-channel marketing) แต่อะไรคือการทำโฆษณาข้ามช่องทาง มีการนำโฆษณาดิจิตอลมากมายที่สามารถใช้เครื่องมือและมี features ที่นำมาใช้ได้ จุดมุ่งหมายของการโฆษณาก็คือการตลาด และถ้าคุณมองในภาพรวมในเรื่องของการดำเนินการเพื่อให้ได้ลูกค้าหรือการเข้ามาของลูกค้าคุณจะเห็นว่ายังมีโอกาสหลายโอกาสที่ยังไม่ได้นำมาใช้

ในโพสต์นี้ เรากำลังมุ่งไปที่การโฆษณาทาง Facebook เป็นหลัก และคุณสามารถเพิ่มการใช้ช่องทางนี้ได้โดยการเคาะที่ข้อมูลที่มาจากช่องทางอื่น เรามาสำรวจ 3 วิธีในการทำสิ่งนี้ ไตร่ตรองให้ดีว่ายังมีหลายวิธีที่จะนำสิ่งนี้ และจะดีใจอย่างยิ่งถ้าได้ทราบจากคุณว่ามีวิธีอื่นวิธีใดที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติของ Google

ในการใช้ Google Analytics นอกเหนือจากความรู้เรื่อง demographic แล้ว ยังมีรายงานย่อย ‘Affinity’ ซึ่งจะทำให้คุณเห็น Affinity ของคนเข้าชมเวปไซต์ของคุณ ถ้าคุณหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับร้าน pet shop และต้องการค้นหาโฆษณาบน Facebook คุณสามารถตั้งเป้าหมายไปที่เฉพาะกลุ่มคนรักสัตว์ ตั้งเป้าหมายหรือค้นหาความลงตัวกันระหว่าง 2 report ที่ใช้กันมากที่สุดของ Google Analytics Affinity

Google Analytics Affinity Report
source: logicspot.com

เมื่อคุณได้กำหนดตัวเลือก 2-3 ตัวเลือกแล้ว ลองทดสอบเพื่อค้นหาว่าผู้เข้าชมโฆษณาประเภทใดให้ผลที่ได้จากการลงทุนดีที่สุด (ROI) และยอดขายที่ได้จากการโฆษณา (ROAS) จากการทดสอบคุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าคุณจะแบ่งงบโฆษณาอย่างไร จึงจะดีที่สุดแล้วจึงทำในขั้นตอนต่อไป คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันเพื่อต่อยอดขึ้นไป

การทำการตลาดโดยย้ำความสนใจไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็น user ที่ไม่สามารถเข้าโปรแกรมได้  (inactive user) จากฐานข้อมูล CRM

สิ่งใดเป็นเป้าหมายของการทำการตลาดกับกลุ่ม inactive user เห็นได้ชัดเจนคือการทำให้เขาเข้าถึงเวปไซต์ให้ได้ ผู้ใช้ที่เป็น inactive users ใน database ของกลยุทธการจัดการความสัมพันธ์ของลูกค้า CRM (Customer Relationship Management) Users ซึ่งเคยสนใจในเวปไซต์ ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการของคุณ นักการตลาดหลายคนมักจะจัดให้เป็น inactive user ถ้าเขาไม่สามารถเปิดอีเมล์ใน 2 เดือนที่ผ่านมาได้ และถูกส่งกลับมาซ้ำ ๆ ตลอดเวลา ที่จริงแล้วเขาไม่สามารถเปิดอีเมล์ของคุณได้ เพราะอีเมล์เหล่านั้นได้เข้าไปอยู่ใน junk folder หรือเป็นเพราะบางทีเขาอาจจะเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือที่อยู่ของอีเมล์ มีเหตุผลนับพันที่เป็นสาเหตุว่าทำไม user จึงไม่สามารถเข้าสู่เวปไซต์ได้

Inactive Subscribers
source: aweber.com

แล้วการทำโฆษณาผ่าน Facebook มาจากช่องทางใด ประการแรกก็คือคุณไม่สามารถให้ user เปิดใช้งานใหม่ได้ในอีเมล์ลิสต์ของคุณ โดยการส่ง user เหล่านั้นไปยังอีเมล์อื่น ถ้ามีตัวบ่งชี้ว่าเป็นอีเมล์ที่ติดไวรัส เพราะอีเมล์ที่เปิดใช้งานขึ้นใหม่นั้นก็จะต้องอยู่ใน junk folder อีกครั้ง  แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่คุณควรทำ คือสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับแสดงโฆษณาในระดับแอดวานต์จาก inactive users ใน CRM database ของคุณมุ่งเป้าโฆษณาทาง Facebook ไปที่ผู้ใช้เหล่านี้ มีสมมุติฐานว่าในระหว่างผู้ชมเวปไซต์ 2 ประเภท คือ ผู้เข้าชมเวปไซต์ที่ไม่เคยเห็นผลิตภัณฑ์หรือการบริการของคุณ กับผู้เข้าชมเวปไซต์ที่เคยเข้าชมเวปไซต์ของคุณมาบ้างในช่วงสั้น ๆผู้ชมในกลุ่มหลังจะมีความผูกพันและมีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณาของคุณเมื่อเขาเห็นมัน ดังนั้นคุณควรสร้างประสิทธิภาพของการโฆษณาบน Facebook ของคุณควบคู่ไปกับกระตุ้น  users ที่ไม่สามารถเข้าเวปไซต์ของคุณให้กลับมาชมเว็ปไซต์ของคุณและมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน สู้ต่อไป

การเรียนรู้เชิงลึก (Insights) จากการสร้าง  Campaign ให้เข้าถึงผู้บริโภค

Facebook มีการดำเนินรูปแบบของตนเอง พฤติกรรมการสืบค้นข้อมูลของผู้ใช้ Facebook มีความแตกต่างไปจากการค้นหาจากการโฆษณา ถ้า user คลิกไปที่โฆษณา      น้อยมากที่พวกเขาจะตั้งใจซื้อ แต่จะเลื่อนขึ้นลงเพื่อดูข่าวสารที่เข้ามาใหม่เพื่อให้รู้ว่าเพื่อน ๆ และครอบครัวทำสิ่งใดบ้าง ดังนั้นนอกไปจากการสร้าง campaign ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญ กลุ่มเป้าหมายในระดับแอดวานซ์แล้ว ควรสร้างข้อความสำคัญแสดง campaign โฆษณาทั้งหมดซึ่งมีความสำคัญมากแสดงให้เห็นว่า campaign นั้นมีการดำเนินการอย่างไร

Singtel Activation Campaign
source: interuptive.com

การเรียนรู้เชิงลึกในการสร้าง campaign ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ตัวอย่างแบบไม่คิดเงิน การสำรวจ หรือการแสดงสาธิต ล้วนสามารถบอกคุณได้ว่าตลาดกำลังมองหาอะไรอยู่ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาจาก campaign ที่ไม่ผ่านทางอินเตอร์เนต สามารถบอกให้คุณทราบว่าสิ่งใดที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนเช่นเมื่อเขาเดินผ่านบูธของคุณในงาน     อีเวนท์ หรือพบขบวนพาเหรดของคุณ สิ่งนี้คือการดำเนินรูปแบบของตน และ Facebook ก็คือการดำเนินรูปแบบหนึ่ง ใช้ความรู้ในเชิงลึกของคุณจาก campaign ที่มีผู้เข้าชมเพื่อใช้ออกแบบข้อความสำคัญ Landing page กฎเกณฑ์สำคัญต่าง ๆ ถ้าสิ่งนั้นเข้ากันได้กับการดำเนินชีวิตของผู้เข้าชมเวปไซต์ โอกาสก็จะมาถึง คุณอาจจะได้เห็นความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใช้จากเวปไซต์ของคุณ

ในท้ายที่สุด แนวคิดเหล่านี้ที่จะสามารถช่วยพัฒนา campaigns โฆษณาทาง Facebook ของคุณ จากความรู้การใช้สื่อข้ามช่องทางกันเป็นเพียงคำแนะนำเพียงผิวเผินเท่านั้น คุณมีแนวความคิดอื่นที่ต้องการจะแบ่งปันกันหรือไม่

คุณต้องการพูดคุยกันถึงวิธีอื่น ๆ ที่จะพัฒนา campaign ของคุณหรือไม่ เชิญติดต่อและพูดคุยกับ digital market enabler จากกลุ่มทำงานของพวกเรา เรายินดีที่จะได้รับการติดต่อจากทุกคๆคนค่ะ