MarTech ช่วยให้การตลาดมีอิสระขึ้นได้อย่างไร

การตลาดพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งในแต่ละปี เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น การตลาดก็มีแนวทางใหม่ ๆ ใ้ห้เลือกใช้มากขึ้นตามกันไป และยังมีคำศัพท์ใหม่เกิดขึ้นด้วย นั่นก็คือ “MarTech” (Marketing Technology) นั่นเอง Martech นั้นช่วยให้ธุรกิจทั้งหลายมีแนวทางการเชื่อมโยงและสร้างปฏิสัมพันธ์แบบใหม่กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยการวางแผน สร้างสรรค์ ลงมือ และวัดผลแคมเปญการตลาดที่ทำไป

MarTech คืออะไรกันแน่?

ถ้าจะพูดง่ายๆ MarTech ก็คือซอฟท์แวร์ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถทำงานได้ดีในยุคดิจิทัลแบบนี้ แต่ ​Martech มันทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าเดิม มันช่วยให้นักการตลาดทำความเข้าใจลูกค้าได้ว่าเป็นคนกลุ่มไหน ต้องการอะไร จะซื้อของตอนไหน เมื่อไหร่ควรจะติดต่อไป หรือแม้กระทั่งควรจะติดต่ออย่างไร แล้วก็ยังมีอีกมากมายที่มันสามารถทำได้ แต่หลักๆ แล้ว MarTech ช่วยให้เราวัดผลด้านการตลาดได้ เว็บ MarTech Today ได้นิยามคำนี้ไว้อย่างดีว่า

Martech is marketing: a wide spectrum of possibilities - Chief Marketing  Technologist
source: chiefmartech.com

“MarTech คือการผสมผสานระหว่างการตลาดและเทคโนโลยี เราสามารถพูดได้ว่าใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการตลาดดิจิทัล ก็เท่ากับกำลังใช้ MarTech ในเมื่อโดยธรรมชาติของดิจิทัลนั้นเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอยู่แล้ว คำว่า MarTech จึงใช้กับความคิดริเริ่ม ความพยายาม และเครื่องมือสำคัญๆ ที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายหรือจุดประสงค์ต่างๆ

ที่มา: egnoto.com

สรุปแล้วมันคือเรื่องอะไรกัน

จริงๆ แล้วก็คือเรื่องของลูกค้านั่นแหละ

1 – สร้างประสบการณ์การซื้อของให้ถูกวิธี

สมัยนี้คนเราไม่ได้แค่ซื้อของอีกต่อไปแล้ว แต่เราซื้อประสบการณ์ที่ได้รับด้วย

หนทางที่ดีที่สุดที่นักการตลาดอย่างเราๆ จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ก็คือผ่านประสบการณ์ ซึ่ง MarTech ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจตัวตนของลูกค้า เข้าใจเส้นทางของลูกค้า และสามารถสร้างโปรแกรมการตลาดที่เข้ากันกับสิ่งที่ฐานลูกค้าคาดหวังได้ เฮ้อ! คำศัพท์เฉพาะทางเยอะเหมือนกันนะเนี่ย งั้นเราลองมาทำให้มันเข้าใจง่ายขึ้นดีกว่า

2 – การลงทุนด้านกลยุทธ์การตลาดและลดความสิ้นเปลืองของการซื้อสื่อ

MarTech ช่วยให้หลายบริษัทลงทุนด้านกลยุทธ์ในชุดซอฟท์แวร์ดีๆ เพื่อให้ขั้นตอนหลายๆ อย่างทำงานอัตโนมัติ ช่วยให้ประหยัดเวลา และทำให้สามารถบริหารช่องทางการตลาดหลายๆ ช่องพร้อมกันได้ง่ายขึ้น

ถ้าคุณยังลังเลว่ามันจะคุ้มไหมอยู่ล่ะก็ เราขอสรุปแบบนี้แล้วกัน MarTech น่ะคุ้มค่ามาก เริ่มสนใจแล้วใช่ไหม เพราะว่า MarTech นั้นช่วยให้เราสามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงช่วยในการต้นสินใจ  ต่างจากสมัยก่อนที่เราแค่รันแคมปญไปนานเป็นปีแล้วก็หวังว่าพอหลายเดือนผ่านไป ข้อมูลที่เก็บได้จะแสดงให้เห็นว่ามันใช้งานได้ดีตามที่หวังไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วต่อให้ข้อมูลที่ได้บอกเราว่ามันใช้ไม่ได้ มันก็สายเกินไปแล้วที่เราจะป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

3 – นำพลังแห่งข้อมูลมาใช้เพื่อความเข้าใจอันลึกซึ้ง

เรียกได้ว่าต้องขอบคุณ MarTech ที่ช่วยให้เรามีข้อมูลก้อนโตอยู่ใกล้ๆแค่ปลายนิ้ว เราสามารถนำมันมาสังเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายในแบบที่เราไม่สามารถทำได้มาก่อน ซึ่งการดึงข้อมูลเหล่านี้ออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

4 – รวดเร็วและมั่นใจกว่าเดิม

รู้ไหมว่ามีอะไรดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก นั่นก็คือคุณจะได้ข้อมูลเชิงลึกมาแบบแบบเรียลไทม์ยังไงล่ะ ซึ่งทำให้คุณสามารถเปลี่ยนกลยุทธ์หรือปฏิบัติการได้ทันทีถ้าจำเป็น

ในยุคดิจิทัลแบบนี้ การตลาดก็กลายเป็นเรื่องออนไลน์ไปหมด ไม่ใช่ป้ายบิลบอร์ด หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือโฆษณาทีวีอีกต่อไป แต่เป็นแพลทฟอร์มของสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ และแพลทฟอร์มแชร์วิดีโอออนไลน์ ถ้าหากไม่มี MarTech แล้วล่ะก็ การตลาดไม่เกิดแน่ๆ แถมยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและยังไม่หายไปไหนในเร็ววันนี้ และที่แน่ๆองค์กรทั้งหลายจำเป็นต้องเริ่มใช้มัน

เอาล่ะ สรุปแล้ว MarTech มันช่วยให้การตลาดมีอิสระมากขึ้นยังไง?

MarTech ทำให้ธุรกิจมีซอฟท์แวร์และเครื่องมือทางเทคโนโลยีในการวาวงแผน สร้างสรรค์ ลงมือปฏิบัติ และวัดผลแคมเปญการตลาดได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อคว้ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายและสร้างปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา

ในสมัยก่อน งานการตลาดมักเกี่ยวข้องกับทักษะเฉพาะทาง เช่น การออกแบบแบนเนอร์อย่างสร้างสรรค์ หรือ การสร้างสเปรดชีทหลายๆ ไฟล์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลมหาศาลเพื่อคัดแยกประเภทของลูกค้าและสร้างชุดข้อมูลเชิงลึกสำหรับการทำการตลาด การเจริญเติบโตของเทคโนโลยีและเครื่องมือการทำการตลาดอย่างเช่น Canva และ MailChimp นั้นทำให้นักการตลาดสามารถสร้างวัตถุดิบในการทำการตลาดได้จนจบงานโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทักษะเฉพาะ แต่ใช้แพลทฟอร์มที่ชาญฉลาดเหล่านี้แทน

เมื่อ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Machine Learning (การเรียนรู้ของเครื่อง)  ได้รับความนิยมอย่างสูง เราก็ทำได้เพียงคาดหวังว่าเทคโนโลยีและเครื่องมือในการทำการตลาดเหล่านี้จะฉลาดขึ้นและทำงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้นักการตลาดดิจิทัลสามารถสร้างหลากหลายแคมเปญได้รวดเร็ว ยืดหยุ่น และมีอิสระยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ความซับซ้อนของการใช้เทคโนโลยีการตลาดจากการเป็นเพียงเครื่องมือเดี่ยวไปสู่การหลอมรวมกันของเครื่องมือหลายชิ้นและการที่ธุรกิจต่างๆเริ่มมองถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของพวกเขาในรูปแบบที่เรียกว่า MarTech Stack ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นเลือกเครื่องมือทำการตลาดหรือสร้าง MarTech Stack ของตัวเองยังไงดี เริ่มได้ที่นี่เลย